8 รักแท้(รอบโลก) ที่ไม่ได้มีแค่ในนิยาย



ไปพิสูจน์กัน ว่ารักแท้มีจริงๆ นะ กับ "8 รักแท้(รอบโลก) ที่ไม่ได้มีแค่ในนิยาย" ไปพิสูจน์กันเลยค่ะ!
1. ไม่มีอะไรสำคัญต่อความรักมากไปว่า "หัวใจ"

น้องๆ เคยคิดไหมคะ ว่าถ้าวันหนึ่งเราเสียโฉมขึ้นมา หรือต้องกลายเป็นคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จะยังมีใครรักเราอยู่ไหม คู่ของเทย์เลอร์ มอร์ริส และแดเนียล เคลลี คือคู่รักที่พิสูจน์ให้โลกรู้ว่าไม่มีข้อแม้ใดในรักแท้ค่ะ

เรื่องเริ่มจาก มอร์ริส ทหารเรือหนุ่มประจำหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ถูกส่งให้ไปทำหน้าที่ ณ ประเทศอัฟกานิสถาน แค่ฟังก็น่ากลัวแล้วใช่ไหมคะ และมอร์ริสก็โชคร้ายซะด้วยค่ะ เพราะไปเหยียบระเบิดแสวงเครื่องเข้า เป็นเหตุให้เขาสูญเสียแขนซ้าย มือขวา และขาทั้งสองข้าง

แต่ในความโชคร้ายมอร์ริสยังหลงเหลือเรื่องราวดีๆอยู่ เพราะ เคลลี แฟนสาวของเขายังคอยเคียงข้างดูแลเหมือนเดิมไม่ไปไหน เธอทั้งคอยแบกมอร์ริส ทั้งคอยพามอร์ริสไปหาหมอ และดูแลการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆให้มอร์ริสอีกด้วย โอ้โฮ แบบนี้ไม่เรียกว่ารักแท้ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีแล้วค่ะ
ถ้าน้องๆ อยากเห็นว่าความรักของมอร์ริสและเคลลีในปัจจุบันเป็นอย่างไร ไปดูภาพน่าประทับใจเหล่านี้กันเลยค่ะ
2. เพลงรักจากคุณตา

คุณตาเฟรด และ คุณยายลอร์เรน พบรักกันที่เมืองพีโอเรีย รัฐอิลลินอยส์ในปี 1940 ทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุขยาวนานร่วม 73 ปี ก่อนที่คุณยายลอร์เรนจะจากไป ปล่อยให้คุณตาเฟรดวัย 96 ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพัง
หนึ่งเดือนต่อมาหลังการตายของคุณยาย คุณตาเฟรดพบประกาศการประกวดแต่งเพลงเข้า จึงตัดสินใจเขียนเพลงเข้าร่วมประกวด เพลง Sweet Lorraine ของคุณตาถูกเขียนลงบนกระดาษอย่างเรียบง่ายแทนที่จะอัดเสียงในสตูดิโออย่างผู้เข้าประกวดรายอื่นๆ ทำให้สะดุดตากรรมการเข้าอย่างจัง และยิ่งเมื่อกรรมการได้อ่านเนื้อเพลงที่พูดถึงความรัก ความคิดถึง และความหวังที่คุณตาจะได้กลับไปใช้ช่วงเวลาดีๆร่วมกับคุณยายลอร์เรนอีกครั้ง พวกเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะเลือกเพลง Sweet Lorraine ของคุณตาให้ได้อัดเสียงเป็นเพลงจริงๆ
อยากรู้ว่าเพลง Sweet Lorraine ของคุณตาเป็นยังไง คลิกฟังได้ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ


3. รักรอได้

จอห์น เมซ และ ริชาร์ด ดอร์ พบกันครั้งแรกเมื่อทั้งคู่ยังเป็นนักเรียน ทั้งคู่ฟังเพลงคล้ายๆ กันจึงเริ่มแลกซีดีกันฟัง จนในที่สุดจากการแลกเพลงกันฟัง ก็กลายเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้สึกดีๆระหว่างกันโดยไม่รู้ตัว

เมื่อจอห์นแต่งงาน เขามีลูกชายหนึ่งคนคือพอล แต่มาเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1983 ทำให้จอห์นทุกข์ใจเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าในช่วงเวลาเศร้าโศกเช่นนั้นริชาร์ดก็ไม่เคยหนีไปไหน

ทั้งคู่ต่างคบหากันอย่างเงียบเชียบภายในซอกหลืบของสังคมที่แอนตี้รักร่วมเพศ กระทั่งนิวยอร์คประกาศผ่านกฏหมายอนุญาตให้ชาวรักร่วมเพศแต่งงานได้อย่างถูกต้อง พวกเขาจึงได้เปิดตัวต่อหน้าครอบครัว เพื่อน และนักข่าว ถึงความสัมพันธ์อันมั่นคงนี้

ในที่สุด คุณตาทั้งสองคนก็ได้แต่งงานกันเมื่อปี ค.ศ. 2011 ตอนทั้งคู่อายุครบ 91 ปี โอ้โฮ ยาวนานจริงๆ ค่ะ

4. รักแท้แม้ไม่เห็นหน้า

น้องๆ เคยสงสัยไหมคะว่า ในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตนั้น มีคู่รักที่อยู่ห่างไกลกันบ้างหรือเปล่า ถ้ามี คู่รักเหล่านั้นโครจรมาพบและรักกันได้ยังไงนะ มาค่ะ พี่กวางจะพาไปดูความรักของคนคู่นี้กัน

เดวิด ย้ายถิ่นฐานจากจาไมกาสู่มหานครนิวยอร์คในปี 1907 เขาต้องทำงานหนักทุกวัน และด้วยความเหงา จึงตัดสินใจเขียนจดหมายหา อาวริล หญิงสาวที่ไม่เคยหน้ามาก่อนผ่านทางหนังสือพิมพ์ The Caribbean และค่อยๆ ตกหลุมรักกัน

หลังจากส่งจดหมายหากันเป็นเวลานาน เดวิดก็ขอเธอแต่งงานผ่านทางจดหมาย ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน ในที่สุด คนทั้งคู่ก็ได้พบกันเป็นครั้งแรกในวันแต่งงานนั่นเอง
ถ้าน้องๆสงสัยว่า เอ...แล้วความรักแบบนี้จะยั่งยืนรึเปล่านะ พี่กวางก็จะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 6 คน และหลังจากอาวริลจากไปในปี 1962 เดวิดก็ไม่เคยแต่งงานใหม่อีกเลยค่ะ
5. รักไม่มีวันตาย

แอนนา และ บอริส เพิ่งแต่งงานกันได้ 3 วัน ก่อนที่บอริสจะถูกกองทัพเรียกตัวไปเข้าร่วมสงคราม แต่ระหว่างที่แอนนากำลังรอสามีกลับมาอย่างมีความหวังนั้น ครอบครัวของเธอกลับถูกสตาลินเนรเทศไปที่ประเทศไซบีเรียอย่างรวดเร็ว จนไม่มีเวลาบอกกล่าวอะไรสามี

บอริสใช้เวลาตามหาภรรยานานหลายปี แต่ไม่สำเร็จ
แอนนาเคยท้อแท้จนพยายามฆ่าตัวตาย แต่แม่ของเธอห้ามไว้ และทำลายข้าวของต่างๆที่จะทำให้เธอคิดถึงบอริสทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพงานแต่งหรือจดหมาย และให้เธอแต่งงานใหม่ บอริสก็เช่นกัน

ผ่านไป 60 ปี นับจากวันที่แอนนาและบอริสเคยแต่งงานกัน คู่แต่งงานใหม่ของพวกเขาต่างเสียชีวิตหมดแล้ว แอนนาจึงได้กลับมายังเมืองเดิมที่เคยอาศัยอยู่ ที่นั่นเธอเห็นชายชราคนหนึ่งจากไกลๆ เธอจำได้ทันทีว่าคือบอริส ซึ่งบังเอิญกลับมาที่นี่เพื่อเคารพหลุมศพพ่อแม่เช่นกัน เมื่อคนทั้งคู่พบกัน ก็ต่างวิ่งเข้าหากัน และจบลงเหมือนกับในนิทานที่เราเคยได้ยินเลยค่ะ นั่นคือทั้งสองคนแต่งงานกันอีกครั้ง และมีความสุขตลอดไป เย้

 6. รักมีได้หลายรูปแบบ

นอกจากความรักฉันคนรักแล้ว ความรักระหว่างเพื่อนก็น่าประทับใจไม่แพ้กันนะคะ เช่นเรื่องนี้ค่ะ

เรื่องเกิดจากวันหนึ่งในมณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน เมื่อ หลิวเสี่ยว ผู้มีความผิดปกติทางขาตั้งแต่กำเนิด ติดฝนอยู่ในโรงเรียนเนื่องจากแม่ของเขาไม่สามารถมารับกลับได้ ทำให้ หลี่ว์ซี ชิ่งที่ผ่านมาเจอตัดสินใจช่วยแบกเพื่อนไปส่งถึงบ้าน แม้ตนเองจะเตี้ยกว่า นับตั้งแต่วันนั้นหลี่ว์ซีชิ่งก็แบกหลิวเสี่ยวไป-กลับโรงเรียนทุกวัน รวมถึงแบกไปห้องน้ำด้วย

หลิวเสี่ยวบันทึกถึงเหตุการณ์นี้ในไดอารี่ว่า หลี่ว์ซีชิ่งเปรียบดังผู้ขับไล่เมฆดำออกไป และมอบแสงสว่างให้ชีวิตเขา
7. ใส่ชุดเดียวกันมา 35 ปีแล้ว

อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับรักแท้รึเปล่า แต่พี่กวางเห็นว่าน่ารักดีค่า กับคู่ของ คุณตาโดนัลด์ เฟเธอส์สโตน ศิลปินผู้สร้างสรรค์หุ่นนกฟลามิงโก้สีชมพูที่น้องๆ คุ้นเคยกัน แต่รู้รึเปล่าคะว่านอกจากคุณตาจะสร้างสรรค์หุ่นน่ารักๆพวกนั้นแล้ว คุณตายังเป็นคนโรแมนติกมาอีกด้วย เพราะตั้งแต่คุณตาโดนัลด์ แต่งงานกับ คุณยายแนนซี มา 35 ปี ยังไม่เคยมีวันไหนที่พวกเขาจะไม่ใส่เสื้อผ้าเข้าคู่กันเลยค่ะ
8. รักไม่ย่อท้อ คือรักอมตะ

น้องๆ ยังจำกิจกรรม Ice Bucket ที่มีขึ้นเพื่อระดมทุนร่วมบริจาคให้ผู้ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS ซึ่งฮิตไปทั่วโลกอยู่พักหนึ่งได้ไหมคะ ถ้ายังจำได้ละก็ จะต้องอินกับเรื่องราวความรักของคู่นี้แน่นอน นั่นคือคู่ของ พ่อรอง (รอง เค้ามูลคดี) และ แม่ทุม (ปทุมวดี โสภาพรรณ) นักแสดงรุ่นใหญ่เจ้าบทบาทของเมืองไทยที่น้องๆ รู้จักกันดีค่ะ

ความรักของพ่อรองและแม่ทุมเริ่มต้นจากความเป็นเพื่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์เป็นคนรักและแต่งงานกัน ในช่วงแรกๆ ของการแต่งงาน แม่ทุมเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไรนัก เพราะพ่อรองทั้งเพื่อนเยอะ ทั้งเจ้าชู้ แถมยังเคยเลิกกันมาแล้วครั้งหนึ่งด้วย แต่สุดท้ายพ่อรองก็กลับมา และปรับความเข้าใจกันค่ะ พอมีลูก ทั้งคู่ก็เริ่มจริงจังกับชีวิตครอบครัวขึ้นเรื่อยๆ
ครอบครัวของพ่อรองและแม่ทุมดูเป็นครอบครัวที่มีความสุข อบอุ่น อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรัก จนกระทั่งวันหนึ่งที่แม่ทุมล้มป่วยด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษ ตามด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS นี่แหละ ก็ยิ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความรักที่พ่อรองมีให้แม่ทุมเลยค่ะ เพราะไม่ว่าแม่ทุมจะเจ็บป่วย จนถึงขั้นความจำเสื่อม จำไม่ได้ว่าพ่อรองคือใคร แต่พ่อรองก็ไม่ไปไหน ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อหาเงินมาใช้รักษาแม่ทุมอย่างต่อเนื่อง แม้หมอจะบอกว่าโรคของแม่ทุมไม่มีทางรักษาหายก็ตาม

 ถือโอกาสนี้ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ครอบครัวเค้ามูลคดีผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปให้ได้นะคะ ขอให้ปาฎิหาริย์มีจริง ให้พ่อรองพาแม่ทุมกลับมาสร้างความสุขที่หน้าจอทีวีได้อีกครั้งค่ะ

ที่มา: http://variety.teenee.com/foodforbrain/70228.html


 

Blogger news

Blogroll

About