วิธีการลดน้ำหนักแบบธรรมชาติมีมากมายหลากหลาย โดยมีหลักการทั่วไปคือ เลือกอาหาร , ควบคุมวัตถุดิบ, ออกกำลังกาย และการปรับสมดุลของอาหารที่ทาน
รายงานว่า หนึ่งในทฤษฎีที่แปลกและเขย่าวงการลดน้ำหนักได้ทฤษฎีหนึ่งคือ การลดน้ำหนักด้วยการทานกล้วยหอม หรือ กล้วยไข่
ทฤษฎีการลดน้ำหนักด้วยกล้วยหอม หรือ กล้วยไข่ นี้เพื่อช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหาร ผลจากสูตรนี้ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 16.6 กิโลกรัม
หลักการคร่าวๆของทฤษฎีนี้คือ การกระตุ้นให้เรารับประทานผลไม้ ระมัดระวังระดับความหิว และความอิ่ม ทานอาหารมื้อสุดท้ายก่อนเวลา 2 ทุ่ม และไม่เข้มงวดเรื่องปริมาณพลังงานในอาหารมากนัก
โดยที่มื้อเที่ยงและมื้อเย็นเราสามารถทานอะไรก็ได้ตามที่เราทานเป็นปรกติ แต่จะต้องหยุดทานเมื่อรู้สึกว่าความอิ่มของเราอยู่ที่ 80% จาก 100% และงดของหวานและน้ำหวานทุกชนิดหลังมื้อเย็น
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้เข้านอนก่อนเวลาเที่ยงคืน ลดความเครียด และนอนให้เต็มอิ่ม ช่วงสำคัญของทฤษฎีนี้อยู่ที่มื้อเช้า
โดยเริ่มมื้อเช้าด้วยกล้วยหอม หรือ กล้วยไข่ พร้อมดื่มน้ำในอุณหภูมิห้อง เมื่อทราบถึงหลักการคร่าวๆแล้วมีวิธีการปฏิบัติดังนี้
วิธีปฏิบัติ
ตามทฤษฎีจะให้เริ่มมื้อเช้าด้วยกล้วยหอม หรือ กล้วยไข่ และน้ำเปล่า สำหรับปริมาณจะทานกี่ลูกก็ได้ตามต้องการ เคี้ยวให้ละเอียด หลังจากทานเสร็จให้ดื่มน้ำในอุณหภูมิห้องตาม โดยไม่จำกัดปริมาณ หากยังหิวอยู่ ให้เว้นระยะเวลา 15-30 นาที จึงรับประทานอย่างอื่น
หากวันไหนเบื่อกล้วย หรือไม่ชอบกล้วยจริงๆ สามารถปลี่ยนเป็นผลไม้ชนิดอื่นแทนได้ เช่น แอ๊ปเปิ้ล แคนตาลูป หรือแตงโม เป็นต้น แต่ขอให้เป็นผลไม้ชนิดเดียวเท่านั้น เพื่อแบ่งเบาภาระของกระเพาะของเราไม่ให้เหนื่อยเกินไปที่จะผลิตน้ำย่อยกรดด่างต่างกัน
มื้อกลางวัน จะกินอะไรก็ได้ ตามที่เราต้องการ อย่าให้มัน หวานและเค็มจัด แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียด กินให้พอเหมาะและไม่อึดอัดท้องจนเกินไป หยุดทานเมื่อรู้สึกว่าความอิ่มของเราอยู่ที่ 80% จาก 100%
สำหรับมื้อของว่าง หากต้องการทานสามารถเลือกทานของว่างหวานๆ อย่างช็อกโกแลตได้ หรือผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น ในปริมาณที่พอเหมาะ และถือว่าอนุโลมให้ทานของที่มีความหวานได้ในช่วงเวลานี้เท่านั้น
สำหรับมื้อเย็นจะต้องเลื่อนเวลาขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเวลาเหมาะสมจะอยู่ที่ 6 โมงเย็นแต่ไม่เกิน 2 ทุ่ม รวมทั้งไม่รับประทานของหวานหลังอาหารเย็นด้วย โดยไม่จำกัดปริมาณ และชนิดอาหาร
แต่ควรควบคุมระดับความอิ่มอยู่ที่ 80% จาก 100% ซึ่งการกินข้าวเย็นเร็วขึ้น ถึงแม้จะกินเยอะซักหน่อยก็ไม่จะเป็นปัญหาแต่อย่างใดเนื่องจากมีช่วงเวลาในการย่อยก่อนเข้านอนนั่นเอง
เข้านอนให้ไวขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องพยายามเข้านอนก่อนเที่ยงคืนให้ได้ และควรทำให้เป็นนิสัย เพื่อฟื้นฟูร่างกายขณะหลับ กำจัดความเหนื่อยล้า ช่วยควบคุมความหิว ซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายระดับปานกลางไม่หักโหมจนเกินไป ทำให้พอเหมาะ ตามทฤษฎีนี้คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง
โดยให้เลือกกิจกรรมที่โปรดปรานและสามารถทำได้ต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายสดชื่น เนื่องจากการออกกำลังกายอย่างหักโหมจนรู้สึกทรมาน จะไม่เป็นผลดีกับทฤษฎีการลดน้ำหนัก
จดบันทึกที่เกี่ยวกับแผนการการละน้ำหนัก หรือ ไดเอทไดอารี่ให้เป็นนิสัย เพื่อที่จะสามารถย้อนกลับมาตรวจเช็คความผิดพลาดได้ และยังเป็นกำลังใจให้เราทำได้อย่างต่อเนื่อง
ที่มา : http://hot.ohozaa.com/hot-5-15-154573
รายงานว่า หนึ่งในทฤษฎีที่แปลกและเขย่าวงการลดน้ำหนักได้ทฤษฎีหนึ่งคือ การลดน้ำหนักด้วยการทานกล้วยหอม หรือ กล้วยไข่
ทฤษฎีการลดน้ำหนักด้วยกล้วยหอม หรือ กล้วยไข่ นี้เพื่อช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหาร ผลจากสูตรนี้ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 16.6 กิโลกรัม
หลักการคร่าวๆของทฤษฎีนี้คือ การกระตุ้นให้เรารับประทานผลไม้ ระมัดระวังระดับความหิว และความอิ่ม ทานอาหารมื้อสุดท้ายก่อนเวลา 2 ทุ่ม และไม่เข้มงวดเรื่องปริมาณพลังงานในอาหารมากนัก
โดยที่มื้อเที่ยงและมื้อเย็นเราสามารถทานอะไรก็ได้ตามที่เราทานเป็นปรกติ แต่จะต้องหยุดทานเมื่อรู้สึกว่าความอิ่มของเราอยู่ที่ 80% จาก 100% และงดของหวานและน้ำหวานทุกชนิดหลังมื้อเย็น
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้เข้านอนก่อนเวลาเที่ยงคืน ลดความเครียด และนอนให้เต็มอิ่ม ช่วงสำคัญของทฤษฎีนี้อยู่ที่มื้อเช้า
โดยเริ่มมื้อเช้าด้วยกล้วยหอม หรือ กล้วยไข่ พร้อมดื่มน้ำในอุณหภูมิห้อง เมื่อทราบถึงหลักการคร่าวๆแล้วมีวิธีการปฏิบัติดังนี้
วิธีปฏิบัติ
ตามทฤษฎีจะให้เริ่มมื้อเช้าด้วยกล้วยหอม หรือ กล้วยไข่ และน้ำเปล่า สำหรับปริมาณจะทานกี่ลูกก็ได้ตามต้องการ เคี้ยวให้ละเอียด หลังจากทานเสร็จให้ดื่มน้ำในอุณหภูมิห้องตาม โดยไม่จำกัดปริมาณ หากยังหิวอยู่ ให้เว้นระยะเวลา 15-30 นาที จึงรับประทานอย่างอื่น
หากวันไหนเบื่อกล้วย หรือไม่ชอบกล้วยจริงๆ สามารถปลี่ยนเป็นผลไม้ชนิดอื่นแทนได้ เช่น แอ๊ปเปิ้ล แคนตาลูป หรือแตงโม เป็นต้น แต่ขอให้เป็นผลไม้ชนิดเดียวเท่านั้น เพื่อแบ่งเบาภาระของกระเพาะของเราไม่ให้เหนื่อยเกินไปที่จะผลิตน้ำย่อยกรดด่างต่างกัน
มื้อกลางวัน จะกินอะไรก็ได้ ตามที่เราต้องการ อย่าให้มัน หวานและเค็มจัด แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียด กินให้พอเหมาะและไม่อึดอัดท้องจนเกินไป หยุดทานเมื่อรู้สึกว่าความอิ่มของเราอยู่ที่ 80% จาก 100%
สำหรับมื้อของว่าง หากต้องการทานสามารถเลือกทานของว่างหวานๆ อย่างช็อกโกแลตได้ หรือผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น ในปริมาณที่พอเหมาะ และถือว่าอนุโลมให้ทานของที่มีความหวานได้ในช่วงเวลานี้เท่านั้น
สำหรับมื้อเย็นจะต้องเลื่อนเวลาขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเวลาเหมาะสมจะอยู่ที่ 6 โมงเย็นแต่ไม่เกิน 2 ทุ่ม รวมทั้งไม่รับประทานของหวานหลังอาหารเย็นด้วย โดยไม่จำกัดปริมาณ และชนิดอาหาร
แต่ควรควบคุมระดับความอิ่มอยู่ที่ 80% จาก 100% ซึ่งการกินข้าวเย็นเร็วขึ้น ถึงแม้จะกินเยอะซักหน่อยก็ไม่จะเป็นปัญหาแต่อย่างใดเนื่องจากมีช่วงเวลาในการย่อยก่อนเข้านอนนั่นเอง
เข้านอนให้ไวขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องพยายามเข้านอนก่อนเที่ยงคืนให้ได้ และควรทำให้เป็นนิสัย เพื่อฟื้นฟูร่างกายขณะหลับ กำจัดความเหนื่อยล้า ช่วยควบคุมความหิว ซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายระดับปานกลางไม่หักโหมจนเกินไป ทำให้พอเหมาะ ตามทฤษฎีนี้คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง
โดยให้เลือกกิจกรรมที่โปรดปรานและสามารถทำได้ต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายสดชื่น เนื่องจากการออกกำลังกายอย่างหักโหมจนรู้สึกทรมาน จะไม่เป็นผลดีกับทฤษฎีการลดน้ำหนัก
จดบันทึกที่เกี่ยวกับแผนการการละน้ำหนัก หรือ ไดเอทไดอารี่ให้เป็นนิสัย เพื่อที่จะสามารถย้อนกลับมาตรวจเช็คความผิดพลาดได้ และยังเป็นกำลังใจให้เราทำได้อย่างต่อเนื่อง
ที่มา : http://hot.ohozaa.com/hot-5-15-154573